สวัสดีทุกคน วันนี้เรามีนิทานจะมาเล่าให้ฟัง นิทานเรื่องนี้ชื่อ "นกน้อยในกรงทอง" ชื่อนิทานเรื่องนี้อาจจะฟังดูเริศหรู อาจจะฟังดูสบาย แต่จริงๆแล้วเราจะลองมาเล่าในมุมมองของ "นกน้อย" ดู
กาลครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ประมาณ 15 ปีก่อน ในบ้านหลังหนึ่งมีสามีภรรยาคู่หนึ่ง พวกเขามีนกอยู่ตัวนึง มันเป็นนกที่มีเสียงร้องพอก่ำก่า 555 ทำอะไรก็ไม่เก่งซักอย่าง บินก็ได้ไม่นาน รูปลักษณ์หน้าตาก็ี้เหร่ไม่สละสวย เอาไปแข่งที่ไหนก็ได้แต่ขายหน้า พวกเขาพยายามฝึกมันให้ทำในสิ่งที่ดูน่าตื่นตาตื่นใจ ฝึกให้เรียกแขก ฝึกให้แสดงสิ่งแปลกๆ ให้ร้องเพลงให้ไพเราะ เจ้านกน้อยก็พยายามที่จะทำให้เจ้านายทั้งสองพอใจ สามี ภรรยาขังเจ้านกน้อยไว้ในกรงสีทองแสนสวยอันหนึ่ง เจ้านกน้อยชื่นชมกรงในตอนแรก "เจ้านายคงรักฉันมาก ดูกรงฉันสิสวยจับใจ" แต่นานวันไปมันเริ่มรู้สึกว่ากรงของมันเล็กลงเรื่อยๆ เพราะพอมันยิ่งโตขนาดของกรงก็เล็กลง เล็กลง จริงๆกรงมันก็มีขนาดเท่าเดิมนั้นแหละเจ้านก เพียงแต่แกนะ...เริ่มโตขึ้นเรื่อย อยู่มาวันหนึ่งภรรยาอยากให้เจ้านกสูดอากาศข้างนอกบ้างจึงนำมันไปวางไว้ตรงของหน้าต่าง แสงแดด สายลมโชยปะทะตัวมันชวนให้รู้สึกอยากไหวปีกบินไปสู่อิสระภาพด้านนอกหน้าต่าง แต่แล้ว...มันก็ได้รับรู้ว่าเพียงแค่จะยกปีกขึ้นกระพือเบาๆ กรงก็ขักขังปีกใหญ่ๆของมันเอาไว้จนไม่สามารถจะสยายปีกบินได้ "จิ๊บๆ จิ๊บๆ" เสียงนกดังออกมาจากด้านนอกของหน้าต่าง "นี่ ทำไมเจ้าเข้าไปอยุ่ในกรงนั้นละ?" เสียงนกแปลกหน้าถาม "เจ้าหน้าของฉันต้องการให้ฉันปลอดภัย เขาบอกว่าฉันยังไม่ถึงเวลาจะไปไหน เขาต้องการให้ฉันฝึกร้องเพลงอยู่ที่นี่" เจ้านกตอบ นกแปลกหน้ามองอย่างไม่เข้าใจก่อนจะปิดจากไป จริงๆฉันก็อยากไปตามเธอนะนกแปลกหน้า...แต่เจ้ากรงบ้านี่กักขังอิสระฉันเอาไว้อยู่ เจ้านกคิด....หากฉันเลือกได้....ฉันก็ไม่อยากเป็นนกน้อยในกรงทองหรอกนะเจ้านกแปลกหน้า
เป็นอย่างไรบ้างกับนิทานก่อนนอนชิ้นนี้หากลองฟังในเรื่องที่เป็นมุมมองของเจ้านกน้อยแล้วรู้สึกอย่างไร? มันก็จริงที่เจ้านายหลายๆคนต้องการจะให้สัตว์ในปกครองของตนเองปลอดภัย...ให้อยู่ใน "กรง" เพื่อที่จะไม่ได้รับอันตราย อยู่ใน "กรง" เพื่อที่จะเรียนรู้จากสิ่งที่เจ้านายเอามาสอนให้เท่านั้น หากนำมาเทียบกับคนเราก็เหมือนผู้ปกครองหลายๆคนที่ต้องการจะปกป้องลูกหลานของตนเพื่อให้ปลอดภัยจากภัยร้ายต่างๆ ส่วนเรื่องที่รู้ก็นำมาสอนอย่างเช่นยาบ้าอย่าไปลอง เหล้าอย่าไปลอง เที่ยวผับบาร์มันไม่ดีอย่าไปลอง จริงอยู่ที่หลายๆอย่างที่นำมาสอนนั้นล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ดีงามและเหมาะสม เด็กๆจะได้ไม่ไปหลงผิดเพื่อลองหาประสบการณ์ด้วยตัวเอง ไม่ต้องท้องก่อนวัยอันควรเพื่อที่จะเรียนรู้ว่าอย่าไปมีอะไรกันก่อนจะเรียนจบมีงานทำ ก่อนวัยที่พร้อม ไม่ต้องไปโง่ตกงานถ้าตั้งใจเรียนตามที่ผู้ปกครองสั่ง ไม่ต้องร้องไห้น่าสมเพชหากเชื่อผู้ใหญ่บอกในเรื่องของสิ่งต่างๆ เพราะคนเราไม่มีนาฬกาย้อนเวลาให้ถอยหลังกลับมาได้อีก แต่คิดในอีกแง่หนึ่งทุกๆเวลาเด็กๆและวัยรุ่นก็จำเป็นต้องเรียนเพื่อมีอนาคตที่ดี เรียนจบค่อยไปหาความสนุกก็ได้ พอเรียนจบก็ทำงานเก็บเงิน....เก็บเงินแล้วค่อยไปหาความสนุกก็ได้ แต่บางคนภาระหนี้สินไม่ได้จบแค่พอมีเงิน บางคนมีเป็นแสน มีเป็นล้านที่ต้องช่วยพ่อแม่ทดแทน อาจจะมีค่าบ้านที่ต้องผ่อน ค่ารถ ค่าเทอมน้อง โน่นนี่นั้นเยอะแยะ พอผ่อนหนี้หมด...เก็บเงินสร้างครอบครัวเป็นของตัวเอง.....เก็บเงินเลี้ยงลูก พอแก่ก็มีเงินเที่ยว มีความพร้อม ถ้าแรงยังเหลือก็สนุก.....แต่เดี๋ยวก่อน ความสนุกในช่วงวัยใดวัยหนึ่งมันต่างกัน คิดบ้างหรือไม่ว่าหากต้องคอยตีเข้ากรอบให้มันมากจนเกินไปบางทีสิ่งที่ตามมาอาจจะมีผลกระทบมากจนเกินไปก็ได้ เช่นห้ามทุกอย่างที่จะทำให้เสียดานเรียน อันนี้คงไม่ผิดหากพ่อ แม่ต้องการ แต่บางอย่างในการเล่นสนุกก็คือการเรียนรู้ของเด็กๆด้วยเช่นกัน สังคมสมัยนี้สิ่งมีชีวิตต้องอยู่กันเป็นกลุ่มจริงหรือไม่ หากจะต้องแยกให้ลูกกลายเป็นนกน้องในกรงทองคอยเรียนพิเศษ เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเพื่อหลีกหนีสิ่งยั่วยุที่จะทำให้เกิดผลเสียง แล้วคุณคิดว่าจริงๆมันดีรึเปล่า? ห้ามลูกไปเที่ยวกับเพื่อนทุกครั้งที่เขาจะไปมันดีแล้วเหรอ? ห้ามซื้อนั้น ห้ามอ่านนี้ จริงๆมีดีรึเปล่า?
มาถึงตรงนี้ก็ขอฝากให้ผู้ใหญ่หลายๆคนที่หลงเข้ามาอ่านลองนึกย้อนไปถึงการเลี้ยงลูกของคุณให้ดีๆ หากลูกคุณไม่มีเพื่อนลองคิดสิ่งว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร? เกิดขึ้นเพราะเขาทำตัวไม่ดีเองหรือเพราะเขาขาดโอกาสที่จะได้ไปสนิทชิดเชื้อกับใครเพียงเพราะคำว่าติดเรียนพิเศษ..ไปไม่ได้ หรือคำว่า แม่ไม่ให้ไป คุณคิดดีแล้วเหรอที่จะตัดเขาออกจากสังคมในยุดที่สิ่งมีชีวิตนิยมอยู่กันเป็นกลุ่ม
ฝากข้อคิดเล็กๆน้อยๆ "จนอย่าปล่อยให้นกน้อยของท่านเฝ้ามองโลกภายนอกจากในกรง เพราะซักวันที่เขาพร้อมที่จะแหกกรงออกไปเขาจะกลัวจนไม่อยากกลับมาในกรงอีก"
อิสระภาพไม่มีขาย หากอยากได้....ลองไปขอผู้ปกครองคุณดูสิ
*คำเตือน!! สำหรับผู้ปกครองบางคนที่เข้ามาอ่านแล้วกรุณาทำความเข้าใจตามก็พอ ไม่จำเป็นต้องกลับไปบ้านพร้อมกับด่าลูกว่าต่อไปนี้ฉันจะไม่สนใจเธออีกแล้วในตามคำขอของเธอ คุณคิดผิดแล้ว จริงๆแล้วกรงมันก็ดีสำหรับบางเรื่อง แต่สำหรับบางเรื่องกรงก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดเสมอไป ไม่ได้บอกว่าอยากใช้ชีวิตเอง ไม่ต้องการคำประชดประชัน ต้องการให้รักเท่าเดิมไม่ต้องการให้ปล่อยปะละเลย ขอร้องสำหรับบทความนี้ อ่านและโปรดทำความเข้าใจ อย่าใช้เพียงอารมณ์ในการอ่าน
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน
จากใจผู้เขียน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น